แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 – 3 เชลซี

เชลซี แสดงความเป็นแชมป์โดยพลิกกลับมาเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปได้ 3-1 ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา
ทีมของ มูรินโญ่ กลับมาโชว์ฟอร์มเยี่ยมในครึ่งหลังทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องพบกับความผิดหวัง หลังจาก รุด ฟาน นิสเตลรอย ยิงประตูขึ้นนำไปก่อนในนาทีที่ 8
ติเอโก้ ตีเสมอได้อย่างรวดเร็ว และประตูในครึ่งหลังจาก ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น และ โจ โคล ทำให้ทีมจาก สแตมฟอร์ด บริดจ์ พลิกกลับมาชนะอย่างงดงาม
นี่เป็นการพบกันครั้งที่ 4 ของทั้งคู่ในฤดูกาลนี้ และเป็นชัยชนะครั้งที่ 3 ของ เชลซี และครั้งที่ 2 ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในปีนี้
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีการเปลี่ยนแปลงทีมหลายตำแหน่งจากทีมที่เสมอกับ เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน ไป 1-1 โดยกัปตันทีม รอย คีน กลับมาอยู่ในทีมร่วมกับ รุด ฟาน นิสเตลรอย, แกรี่ เนวิลล์, เวย์น รูนี่ย์, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ และ พอล สโคลส์
มูรินโญ่ เปลี่ยนแปลงทีมเพียงตำแหน่งเดียวจากทีมที่เอาชนะ ชาร์ลตัน อธเลติก เมื่อสุดสัปดาห์ โรเบิร์ต ฮูธ เซ็นเตอร์แบ็กมีชื่อเป็นตัวจริงแทนที่ของ จอห์น เทอร์รี่ กัปตันทีมและผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลนี้
ผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงความยินดีกับแชมป์ทีมใหม่ด้วยการตั้งแถวให้เกียรติกับ เชลซี ที่เดินออกจากอุโมงค์ลงสนาม มีการผสมผสานในหมู่แฟนบอล หลายคนปรบมือให้ แต่ก็มีเสียงโห่จากแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมากอยู่เหมือนกัน

เชลซี ต้องการเพิ่มสถิติอันยอดเยี่ยมของพวกเขาที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ต่อไปในช่วงประมาณ 40 ปีหลังมานี้ ตั้งแต่ที่พวกเขาแพ้ไป 4-0 และ 4-1 ติดต่อกันในการมาเยือนช่วงกลางทศวรรษที่ 60 เชลซี แพ้ไปเพียง 4 นัดในการพบกัน 29 นัด โดยมีถึง 14 นัดที่จบลงด้วยการเสมอกัน นั่นหมายถึงว่า เชลซี ชนะไปถึง 11 นัดในช่วงเวลาดังกล่าว
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มเกมด้วยการตั้งรับที่ฝั่งสเตรทฟอร์ดเอนด์ ในช่วงเย็นที่สดใสแต่หนาวสั่นในแมนเชสเตอร์ กองเชียร์ปีศาจแดง ส่งเสียงดังสนั่น เหมือนกับกองเชียร์ เชลซี ในอัฒจันทร์ของทีมเยือน
โรนัลโด้ เป็นคนแรกที่ลองทำประตูจากการยิงไกล แต่ คาร์โล คูดิชินี่ ผู้รักษาประตู เชลซี ปัดออกไปได้
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายที่ทำได้ดีกว่าในช่วงต้นเกม และในนาทีที่ 8 การบุกกดดันของพวกเขาก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อ รุด ฟาน นิสเตลรอย ยิงประตูอย่างฉลาดให้ทีมขึ้นนำ จากการผ่านบอลต่ำของ เวย์น รูนี่ย์ จากฝั่งซ้าย
มันเป็นการเริ่มต้นที่ดีของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในนัดนี้ ซึ่งเป็นเกมที่ไม่มีผลต่ออันดับคะแนน แต่เป็นการเล่นเพื่อศักดิ์ศรีของ 2 ยอดทีมในอังกฤษ
หลังจากเสียประตู เชลซี เริ่มต่อบอลอย่างมีเป้าหมายมากขึ้น และในนาทีที่ 17 พวกเขาก็ตีเสมอได้สำเร็จ โดยทีมเยือนเริ่มเดินเกมบุกตามจังหวะ แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีประตูเกิดขึ้น เมื่อกองกลาง ติเอโก้ ลองยิงจากระยะ 30 หลา มันเป็นลูกยิงที่ยอดเยี่ยม ซึ่งทำให้ รอย คาร์โรลล์ งุนงงไปเลย
สกอร์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ในสนามด้วย เมื่อกองเชียร์ของทั้งคู่ร้องเพลงส่งเสียงโต้ตอบกันอย่างต่อเนื่อง
เวย์น รูนี่ย์ พาบอลหาที่ว่างก่อนที่จะลองยิงไกล ลูกพุ่งเข้าหาผู้รักษาประตู เชลซี ซึ่งน่าจะรับไว้ได้ แต่บอลไปแฉลบ โรเบิร์ต ฮูธ กองหลัง เชลซี ก่อนที่จะพุ่งออกนอกกรอบไป
เชลซี ตอบโต้ด้วยเกมรุกอันสวยงาม ซึ่งเกือบจะทำให้พวกเขาขึ้นนำ โจ โคล จบการบุกด้วยการยิงปั่นโค้งอย่างยอดเยี่ยม ซึ่งออกนอกกรอบไปเพียงนิดเดียว แฟนบอล เชลซี หลายคนคิดว่าลูกนี้เป็นประตูไปแล้ว
ชื่อของ รอย คีน และ เวย์น รูนี่ย์ ถูกจดลงสมุดของผู้ตัดสิน เกรแฮม โพลล์ ในช่วงท้ายของครึ่งแรก
ครึ่งหลังเริ่มไปได้ 4 นาที เชลซี ก็เกือบจะขึ้นนำอีกครั้ง บอลเข้ามาในกรอบเขตโทษของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากทางซ้าย โดยเกล็น จอห์นสัน ได้บอล มีเพียงผู้รักษาประตู รอย คาร์โรลล์ ยืนขวางระหว่างเขาและกรอบประตู แต่เขาลังเลนานเกินไปทำให้กองหลังปีศาจแดง ตัดบอลไปได้
56 นาทีผ่านไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกือบจะขึ้นนำบ้าง แต่ เชลซี เริ่มครึ่งหลังได้ดีกว่า และพวกเขาเกือบจะเป็นฝ่ายตามหลัง เมื่อ ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ ได้ยิงจากกรอบเขตโทษ แต่บอลพุ่งชนคานเต็มแรง
หลังจากนั้น 6 นาที เป็นแฟนบอล เชลซี ที่ได้เฮสนั่น หลังจาก ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น ทำให้ทีมขึ้นนำจนได้ มันเป็นการยิงที่ยอดเยี่ยมจากอดีตดาวยิง โบลตัน โดยเขาวิ่งไล่บอลจากการเปิดทะลุอย่างเหมาะเจาะของ ติเอโก้ ก่อนที่จะยิงบอลข้ามตัว คาร์โรลล์ เข้าไปซุกอยู่ก้นตาข่าย

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีกองหน้าเพิ่มมากขึ้นในนาทีที่ 72 เมื่อ หลุยส์ ซาฮา ถูกส่งลงมาเล่นคู่กับ รุด ฟาน นิสเตลรอย โดย เฟล็ตเชอร์ ถูกเปลี่ยนตัวออกไปให้อดีตกองหน้า ฟูแล่ม ได้ลงสนาม ในขณะเดียวกัน เชลซี ก็เปลี่ยนเอา จอห์นสัน ออกให้ ยาโรซิค ลงมาแทน
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งขณะนี้เล่นทางด้านซ้าย วิ่งขึ้นหน้าหลังจากทำชิ่งกับ รูนี่ย์ กองหลัง เชลซี ถอยห่าง แต่ปีกชาวโปรตุเกสไม่พาบอลเข้าไปในที่ว่าง และยิงออกนอกกรอบไปไกล
เชลซี ออกนำห่างไปอีกในนาทีที่ 83 เมื่อ โจ โคล ยิงผ่าน คาร์โรลล์ ในระยะเผาขนเข้าไป เป็นประตูที่ 3 ของทีมแชมป์
โอลด์ แทรฟฟอร์ด เหลือผู้ชมอยู่เพียงครึ่งเดียวเมื่อนกหวีดหมดเวลาดังขึ้น แต่กองเชียร์ที่เหลืออยู่ก็ทำให้สโมสรได้ภาคภูมิใจด้วยการปรบมือให้กับแชมป์ทีมใหม่ในขณะที่เดินออกจากสนาม แล้วนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็วิ่งขอบคุณแฟนบอลรอบสนามตามประเพณีการเล่นเกมเหย้านัดสุดท้ายของฤดูกาล แต่มันเป็นการวิ่งรอบสนามของนักเตะที่หมดสิ้นกำลังใจ (บรรยายเกมโดย DaKinG)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
รอย คาร์โรลล์ 13
เวส บราวน์ 6
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5
แกรี่ เนวิลล์ 2
มิเกล ซิลแวสต์ 27
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
รอย คีน 16 ( น. 31)
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7
พอล สโคลส์ 18
เวย์น รูนี่ย์ 8
รุด ฟาน นิสเตลรอย 10 ( น. 7) ( น. 63)
สำรอง
ทิม โฮเวิร์ด 1
จอห์น โอเชีย 22
ควินตัน ฟอร์จูน 25
หลุยส์ ซาฮา 9 น. 72 ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
อลัน สมิธ 14
เชลซี
คาร์โล คูดิชินี่ 23
วิลเลี่ยม กัลลาส 13 ( น. 73)
โรเบิร์ต ฮูธ 29
เกล็น จอห์นสัน 2
ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ 6
โจ โคล 10 ( น. 82)
เฌเรมี่ 14
แฟร้งค์ แลมพาร์ด 8 ( น. 64)
โคล้ด มาเกเลเล่ 4 ( น. 51)
ติเอโก้ 30 ( น. 17)
ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น 22 ( น. 61)
สำรอง
ปีเตอร์ เช็ก 1
นูโน่ มอเรส 33 น. 86 ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น 22
แอนโธนี่ แกรนท์ 42 น. 90 โจ โคล 10
ยิริ ยาโรซิค 27 น. 72 เกล็น จอห์นสัน 2
มิเกล ฟอร์สเซลล์ 24
สถิติของเกม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิงประตู 1, ลูกยิงตรงกรอบ 2, ลูกยิงหลุดกรอบ 6, ลูกยิงโดนบล็อค 9, เตะมุม 7, ฟาวล์ 11, ล้ำหน้า 4, ใบเหลือง 2, การครองบอล 51.3%
เชลซี ยิงประตู 3, ลูกยิงตรงกรอบ 5, ลูกยิงหลุดกรอบ 2, ลูกยิงโดนบล็อค 2, ฟาวล์ 16, ใบเหลือง 3, การครองบอล 48.7%
คะแนนความสามารถ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รอย คาร์โรลล์ 6, แกรี่ เนวิลล์ 7, เวส บราวน์ 5, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 6, มิเกล ซิลแวสตร์ 5, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 6, รอย คีน 6, พอล สโคลส์ 5, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 6, เวย์น รูนี่ย์ 7, รุด ฟาน นิสเตลรอย 7, หลุยส์ ซาฮา (สำรอง) 6
เชลซี คาร์โล คูดิชินี่ 6, เกล็น จอห์นสัน 5, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ 8, โรเบิร์ต ฮูธ 5, วิลเลี่ยม กัลลาส 7, เฌเรมี่ 6, ติเอโก้ 8, โคล้ด มาเกเลเล่ 7, แฟร้งค์ แลมพาร์ด 7, โจ โคล 7, ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น 8, นูโน่ มอเรส (สำรอง) 6, ยิริ ยาโรซิค (สำรอง) 6, แอนโธนี่ แกรนท์ (สำรอง) 6
Por

Related Posts